บทความนี้จะบอกถึงข้อผิดพลาดพื้นฐาน 3 ข้อ ของผู้ที่เริ่มต้นเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษและวิธีการเอาชนะปัญหาเหล่านั้น
หากคุณกำลังมีปัญหาในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรียนแล้วจำไม่ได้ เรียนแล้วแต่นำไปใช้ไม่ได้ คุณอาจจะประสบกับข้อผิดพลาดเหล่านี้ก็เป็นได้
Menu
การยัดเยียดคำศัพท์ที่ไม่เป็นระบบ
หนึ่งในขั้นตอน “ปูพื้นฐาน” ยอดนิยมที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นคือการกำหนดเป้าหมายในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษในแต่ละวัน จะอยู่ที่ประมาณ 20 – 30 คำต่อวัน หรือ 1,000 – 15,000 คำต่อเดือน การทำแบบนี้จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ผิด แต่มันจะทำให้คุณคาดหวังมากเกินไปและส่งผลให้แนวทางการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของคุณเบี่ยงเบนไปนั่นเอง
ตามสถิติของ Oxford Dictionary เวอร์ชันล่าสุด มีคำศัพท์ต่างๆ เกือบ 470,000 คำ แม้ว่าคุณจะตั้งเป้าที่จะจำ 20 คำต่อวัน แสดงว่าจะต้องใช้เวลา 60 ปี ในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้น หากคุณกำลังเรียนรู้คำศัพท์จากพจนานุกรมให้ได้จำนวนเยอะๆ เช่น 20 คำต่อวัน มีโอกาสที่คุณจะแบกรับมันไม่ไหวและคำศัพท์ที่คุณท่องมาก็จะไม่มีวันได้นำไปใช้อย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงองค์กรด้านการศึกษาชั้นนำของโลก EF Education ได้ระบุจำนวนคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วไปให้สั้นกระชับลงเหลือแค่ 3,000 คำ เพียงแค่คุณเชี่ยวชาญคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 3,000 คำเหล่านี้เท่านั้น คุณก็จะสามารถเข้าใจบทสนทนาในชีวิตประจำวันได้ถึง 90%
เรียนคำศัพท์เรื่อยเปื่อย ไม่มีบริบท
หากคุณเป็นผู้ที่เรียนมาแล้วแต่กลับจำไม่ได้แล้วพยายามยัดเยียดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นไปได้อย่างแน่นอนว่าคุณกำลังประสบกับปัญหาการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษเรื่อยเปื่อย ไม่ได้นำคำศัพท์ไปไว้ในบริบทต่างๆเพื่อให้เข้าใจวิธีนำไปใช้ของมัน
วิธียอดนิยมที่สุดในการเรียนรู้คำศัพท์คือการใช้ flashcard (บัตรคำศัพท์) โดยด้านหนึ่งประกอบด้วยคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อีกด้านหนึ่งประกอบด้วยคำศัพท์ภาษาไทยหรือการเรียนรู้ผ่านรายการคำศัพท์ภาษาอังกฤษและความหมายของคำในภาษาไทย วิธีการเรียนรู้นี้มีข้อดีคือประหยัดเวลา ช่วยให้คุณจำคำศัพท์ได้เร็ว แต่ข้อเสียคือ คุณจะลืมเร็วมากเช่นกันเพราะคุณไม่เข้าใจแก่นแท้ของคำศัพท์
คำศัพท์ภาษาอังกฤษก็เหมือนกับคำศัพท์ในภาษาไทย แต่ต่างกันตรงที่มีความหมายและการถอดความหมายเมื่อใส่ไว้ในบริบทที่ต่างกัน เพียงแค่เรานำคำศัพท์ไปวางไว้ในบริบทให้ถูกต้องเท่านั้น เราก็จะเข้าใจคำศัพท์เหล่านั้นได้อย่างถ่องแท้ รู้วิธีใช้คำศัพท์เหล่านั้นได้เมื่อจำเป็น ดังนั้น ทุกครั้งที่มีคำภาษาอังกฤษผุดขึ้นมาในหัว เราก็จะมีภาพรวมถึงบริบทต่างๆที่สมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้เราจดจำคำศัพท์เหล่านั้นได้นานขึ้นและตอบสนองเร็วขึ้นเมื่อเราต้องการนำไปใช้
ไม่เรียนการออกเสียงของคำศัพท์
นี่เป็นข้อผิดพลาดขั้นพื้นฐานของนักเรียนไทยหลายคน เพราะผู้เรียนจะเรียนรู้แค่ความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษเท่านั้น ข้อผิดพลาดนี้จะส่งผลก็ต่อเมื่อคุณต้องการใช้คำนั้นในสถานการณ์การสื่อสาร คุณจะไม่สามารถจำคำศัพท์นั้นในการสนทนาหรือพูดได้อย่างถูกต้องเมื่อคุณต้องการอธิบายมันออกมา
ข้อเท็จจริงที่ว่านักเรียนไทยส่วนใหญ่จะเน้นการเรียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการอ่าน การเขียน ไวยากรณ์มากกว่าการฟังและการพูด ด้วยความเคยชินที่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้คำศัพท์ในการสื่อสารจริง ถึงแม้ว่าในพจนานุกรมมาตรฐานความหมายของคำมักจะมาพร้อมกับการถอดเสียง (คำแนะนำในการออกเสียงคำศัพท์ตามตาราง IPA) ของคำนั้นๆเสมอ แต่ผู้เรียนจำนวนมากจะมองข้ามคำเหล่านี้ไป
เพื่อให้สามารถเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์แบบ คือเรียนรู้ที่จะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ คุณควรเริ่มจากการเรียนรู้หลักการออกเสียงตามตาราง IPA เพื่อที่จะได้รู้วิธีการออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้องโดยอาศัยการถอดเสียงในพจนานุกรม เมื่อคุณเข้าใจหลักการนั้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคุณก็สามารถเรียนรู้ความหมายของคำ บริบทการใช้งาน และการออกเสียงได้พร้อม ๆ กัน เพื่อให้เชี่ยวชาญความรู้ที่คุณได้เรียนรู้มาได้อย่างเต็มที่

ข้างต้นคือข้อผิดพลาดที่สำคัญที่สุด 3 ข้อในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ผู้เรียนหลายคนมักจะประสบ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีพื้นฐานหรือเพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ให้ระมัดระวังและเลือกวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาระดับภาษาอังกฤษของคุณได้อย่างครอบคลุม อย่าลืมติดตาม Blog และ Fanpage ของ GOGA เพื่อรับเคล็ดลับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกันนะ